วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เรื่อง



   เรื่องราวการไล่จับระหว่างแมวกับหนู ที่ต่างฝ่ายต่างก็ใช้กลเม็ดเด็ดพรายในการจับหนู หรือไม่ก็ เอาตัวรอดจากเจ้าแมวตัวแสบ การไล่จับแต่ละครั้งก็สร้างความหรรษา เฮฮา กับมุขตลกอันแสนเจ็บตัว และคลุกเคล้าไปกับเสน่ห์ความเงียบของตัวละครแมวหนู กับ ดนตรีประกอบคลาสสิคที่เร้าอารมณ์ และจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของเจ้าเหมียวทอมแทบจะทุกตอนไม่แปลกใจเลยที่ทอม กับ เจอรี่ กลายเป็นคาแร็คเตอร์ตัวการ์ตูนอันแสนจดจำของคอการ์ตูนทั่วโลก (โดยเฉพาะ คนวัย 20+ ขึ้นไป) ทีนี้เราจะมาบอกเล่าความเป็นมาของสองตัวนี้กัน...........

   ประวัติความเป็นมา

  ทอม กับ เจอรี่ เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของ วิลเลี่ยม ฮันน่า กับ โจเซฟ บาร์เบร่า ผู้ให้กำเนิด Hanna Barbera Studio และได้ผ่านมือของผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้าง มากความสามารถหลายต่อหลายคน ก่อนที่แมวหนูคู่นี้จะกำเนิดขึ้นนั้น ขอย้อนกลับไปในช่วงปลายยุค 30 ทั้งฮันน่า กับ บาร์เบร่า ได้เข้าร่วมงานกับ MGM cartoon studio ซึ่งตัวการ์ตูนที่ทั้งสองคนได้คิดค้นนั้น ก็เป็นตัวการ์ตูนแมวกับหนู ในหนังอนิเมชั่นชื่อ Puss Gets the Boot ซึ่งสร้างเสร็จปี 1939 และออกฉายในโรงวันที่ 10 ก.พ.1940 โดยหนังดังกล่าวจะเน้นเรื่องราวของแมวสีเทาที่มีชื่อว่า แจสเปอร์ พยายามที่จะจับหนูตัวนึง จนข้าวของภายในบ้านพัง และเจ้าแจสเปอร์ก็ถูก"คุณแม่ 2 ขา"จับโยนออกนอกบ้านไป....แม้ว่าหนังอนิเมชั่นเรื่องดังกล่าวจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของทอม กับ เจอรี่ ที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน

   ต่อจากนั้น ฮันน่า กับ บาร์เบร่า ก็ง่วนกับการทำอนิเมชั้นเรื่องสั้นเนื้อหาอื่นๆ จนกระทั่ง โปรดิวเซอร์ เฟรด ควิมบี้ ได้ขอร้องให้ทั้งคู่กลับมาทำอนิเมชั่นเนื้อหาหนูกับแมวอีกครั้ง ซึ่งทั้งคู่ก็ยินดี ฮันน่า กับ บาร์เบร่าจึงได้จัดการประกวดชื่อของตัวการ์ตูนคู่หูหนูแมวคู่ใหม่ของเขาภายในสตูดิโอ และก็มีคนเสนอหลายชื่อจนกระทั่ง จอห์น คาร์ อนิเมเตอร์คนหนึ่ง ได้เสนอชื่อ "ทอม" กับ "เจอรี่" ขึ้นมา ซึ่งทั้งคู่ก็ชอบอกชอบใจชื่อนี้มาก ก็เลยกลายเป็นชื่อของตัวการ์ตูนแมวหนูของเขาไปโดยปริยาย และเจ้าทอมกับเจอรี่ได้ปรากฏตัวครั้งแรกกับหนังอนิเมชั่น The Midnight Snack ปี 1941
Puss Gets the Boot ต้นฉบับทอม & เจอรี่
  ในปี 1946 ทอมกับเจอรี่ได้รับรางวัล Academy Award จากหนังอนิเมชั่นชุด The Cat Concerto แม้ว่าเรื่องนี้ยังคงเน้นธีมแมวไล่จับหนูอยู่เหมือนเดิม แต่ ฮันน่า กับ บาร์เบร่า ได้พัฒนาพล็อตเรื่องให้มีความหลากหลาย ไม่รู้จบ ทำให้ทอมกับเจอรี่กลายเป็นการ์ตูนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ MGM ซึ่งซีรี่ย์ทอมกับเจอรี่ รวมถึง Puss Gets the Boot ได้เข้าชิง Academy Award ถึง 13 รางวัล และคว้ามาได้ถึง 7 รางวัลด้วยกัน มากกว่าตัวการ์ตูนตัวอื่นๆเสียอีก..... ทว่าในช่วงที่ทอมกับเจอรี่กำลังได้รับความนิยมสูงอยู่นั้นเอง สื่อโทรทัศน์เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น จนมีผลกระทบต่อบริษัทหนังต่างๆ ซึ่งรวมไปถึง MGM ที่มีปัญหาเรื่องการเงินจนปิดตัวในปี 1957 ถัดจากนั้น 1 ปี ฮันน่า กับ บาร์เบร่า ได้ก่อตั้งสตูดิโอของตนเอง เพื่อผลิตผลงานภาพยนตร์ และ รายการโทรทัศน์ ซึ่งต่อมาก็ได้หยิบเอาทอม กับ เจอรี่ กลายเป็นอนิเมชั่นบนหน้าจอโทรทัศน์จวบจนถึงปัจจุบัน
หลังจากการปิดตัวของ MGM ทอม กับ เจอรี่ ก็ถูกบรรดาโปรดิวเซอร์อย่าง จีน ไดทช์ แห่ง Rembrandt Films และ ชัค โจนส์ นำไปทำใหม่ จนกระทั่งกลางยุค 60 ทอมกับเจอรี่ ถูกนำไปฉายทางโทรทัศน์
  ลักษณะการดีไซน์ตัวละคร ทอมจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณะไปเรื่อยๆ จากที่ช่วงแรกๆ จะมีลักษณะเป็นแมวขนดก หน้ากลมบ๊อก จนกระทั่งปลายยุค 40 ทอมมีลักษณะกลายเป็นแมวที่ลดทอนรายละเอียดลง และเคลื่อนไหวด้วย 2 เท้าจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งผิดกับเจอรี่ ที่แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์เลย โดยในช่วงกลางยุค40 มีการเสริมความตื่นเต้นของเนื้อเรื่อง ไปพร้อมๆกับความรุนแรงที่แฝงมากับเนื้อเรื่องมากขึ้น

  รูปแบบของพล็อตเรื่อง

  ทอม กับ เจอรี่ มีพล็อตเรื่องที่แสนเรียบง่าย โดยแต่ละตอน เจ้าทอมจะพยายามไล่จับเจอรี่ให้ได้ ในแต่ละครั้งก็สร้างความเสียหายแก่สิ่งของรอบข้าง ซึ่งจุดนี้ก็ยังไม่สามารถเคลียร์ได้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับเหตุผลที่ทอมพยายามไล่จับเจอรี่มากมายถึงเพียงนี้ ทั้งๆที่ มีเพียงไม่กี่ตอนเท่านั้น ที่ทอมพยายามจะจับเจอรี่เพื่อกินเป็นอาหาร โดยหลายฝ่ายให้เหตุผลว่า เป็นธรรมชาติของแมวที่ต้องไล่จับสัตว์คู่ปรับอย่างหนู หรือ เป็นคำสั่งของเจ้านาย เจอรี่เลยเป็นฝ่ายป่วนทอมซะเอง , อยากแก้แค้น, เจอรี่เป็นคนช่วยชีวิตเหยื่อของทอมไว้(เช่น เป็ด,นักขมิ้น หรือ ปลาทอง) หรือไม่ก็แข่งกับแมวตัวอื่นๆ และ พยายามโชว์อวดแมวสาว เป็นต้น
และด้วย ความฉลาด ว่องไว รวมถึงความดวงเฮงของเจ้าหนูเจอรี่นั้น จึงทำให้ทอมเป็นฝ่ายคว้าน้ำเหลวเสียเป็นส่วนใหญ่

  ในตอนๆนึงของทอมกับเจอรี่ ก็จะเน้นมุขตลกแบบเจ็บตัวอยู่หลายๆฉาก เช่น เจอรี่ปิดประตู หน้าต่างกระแทกทอม,ทอมใช้อาวุธต่างๆในการทำร้ายเจอรี่,เจอรี่ใช้เหล็กร้อนๆกระแทกหางของทอม หรือจะเตะทอมเข้าในตู้เย็น ฯลฯ ซึ่งมุขตลกดังกล่าวก็นำมาวนลูปใช้อีกครั้ง คือ ทอมก่อกวนเจอรี่ เจอรี่โต้กลับทอม ทำให้ทอมรู้สึกเจ็บปวด และพยายามป่วนเจอรี่อีกครั้ง และในทางกลับกัน คนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเจอรี่ จะกลายเป็นคนหยุดทอม ทำให้ทอมได้รับความเจ็บปวด เป็นต้น แม้ว่ามุขตลกดังกล่าวเป็นที่ขบขันของใครหลายคน แต่ไม่วายที่จะโดยวิจารณ์ในแง่ของความรุนแรงไปได้ อย่างไรก็ตามแม้จะมีฉากรุนแรงบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่มีเลือดปรากฏอยู่เลย
  ในส่วนของดนตรีประกอบนั้น มีส่วนสำคัญมากในทุกๆฉาก เพื่อเป็นการเน้นแอ็คชั่นการกระทำ เป็นการใส่ซาวด์เอฟเฟ็คเติมเต็ม ให้เข้าถึงอารมณ์ถึงผู้ชมในฉากนั้นๆ โดย สก็อต แบร็ดลี่ย์ ผู้กำกับดนตรี ได้ใช้แนวดนตรี แจ๊ส,คลาสสิค และ ป๊อป มาผสมผสานกลายเป็นเพลงประกอบในแต่ละตอน และเขามักใช้ดนตรีป๊อปแบบร่วมสมัยมาใช้ในประกอบบ่อย และที่สำคัญ ทอม กับ เจอรี่ แทบจะไม่พูดเลย (อย่างมากก็แค่เสียงหัวเราะ กับ เสียงตกใจกลัว) มีเพียงตัวละครย่อยเท่านั้นที่พูด ก็เลยต้องมีเสียงดนตรีมาประกอบฉากเพื่อไม่ให้เนื้อเรื่องดูเงียบเกินไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น