วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

รูปภาพเฟอร์บี้






เฟอร์บี้



Furby ที่โด่งดัง และฮิตกันมากมายเมื่อเกือบ 10 ปีก่อนได้ ซึ่งในปลายปี 2012 เฟอร์บี้เริ่มได้รับความนิยมทั่วโลก และได้ระบาดอย่างหนักเข้ามาหลอกหลอน คนไทย กันอย่างบ้าคลั่ง ก็คงเป็นเพราะว่า เจ้าตุ๊กตาเฟอร์บี้ เป็น สัตว์เลี้ยงที่มีขนาดกะทัดรัด น่ารัก ถือไปไหนมาได้ได้ง่าย พูดมาก กินเก่ง และที่สำคัญชอบร้องเพลง ชอบเต้นเป็นอย่างมาก และที่สำคัญในเวอร์ชั่น ปี 2012 ที่ผ่านมานั้น ทางบริษัท Hasbro บริษัทผู้ผลิตรายใหญ่ของอเมริกา ได้ออกแบบ Furby ใหม่ ซึ่งสามารถรับโปรแกรมคำสั่ง การเล่น การเลี้ยงดู การป้อนอาหาร ทาง Applicationของ Smart Phone อย่างค่าย Iphone และ ระบบ Android อีกด้วย ทำให้ผู้คนที่เลี้ยง เจ้าตุ๊กตาเฟอร์บี้ สนุกสนาน มีของเล่นใหม่ๆ เพิ่มเติมขึ้นมากอีกด้วย จุดนี้นิเองทำให้กระแสตอบรับของคนทั่วโลก รวมไป ถึงคนไทย นิยมและต้องการหาซื้อ Furby มาเลี้ยงนั่นเอง





วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Ferrby



ลักษณะเด่นลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์
  • ดวงตากลมที่มีขนาดใหญ่ มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 16 มิลลิเมตร
  • ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ยังมีเล็บนิ้วมือทั้งหมด 5 นิ้ว และนิ้วมือมันค่อนข้างยาวเพื่อช่วยในการปีนป่ายต้นไม้ได้รวดเร็วและเพื่อใช้จับอาหาร
  • มันหมุนคอได้ถึง 180 องศา
พฤติกรรมของ ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ (Pygmy Tarsier)
  • ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ (Pygmy Tarsier) พบว่าพวกมันอาศัยอยู่เป็นคู่นานถึง 15 เดือน
  • ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ มี 2 ฤดูกาลผสมพันธุ์ เริ่มต้นในช่วงฤดูฝนและยาวไปอีกประมาณ 6 เดือน
  • ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ ใช้ระยะเวลาในการตั้งท้องใช้เวลา 178 วัน โดยเฉลี่ย
  • ลูกๆของ ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ จะคลอดออกมาดูโลกในช่วงเดือนพฤษภาคม และจากพฤศจิกายน-ธันวาคม
  • ลูกของ ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ นั้นค่อนข้างมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว โดยที่ลูงลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์จะเริ่มจับเหยื่อเองเมื่ออายุได้เพียง 42 วัน และจะเริ่มการเดินทางไปกับฝูงหลังจากนั้นอีก 23 วัน
อาหาร – การกินอยู่ ของ ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ (Pygmy Tarsier)
  • ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ (Pygmy Tarsier) เป็นสัตว์ออกหากินเวลากลางคืน และใช้ชีวิตส่วนใหญ่บนต้นไม้
  • ส่วนในเวลากลางวันพวกมันจะนอนในลักษณะเกาะต้นไม้นอน
  • ลิงปิ๊กมีทาร์เซียร์นั้นจะไม่เหมือนกับลิงทาร์เซียร์ชนินอื่นที่มักใช้ต่อมกลิ่นในการแบ่งอาณาเขต แต่พวกมันจะใช้ลักษณะของการสื่อสารตามแบบฉบับของมัน
  • ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ เป็นสัตว์กินเนื้อเป็นอาหาร พวกมันจะจับพวกสัตว์เล็กและแมลงเป็นอาหาร เช่น แมลงต่างๆ นก งู หนู
เฟอร์บี้ ตุ๊กตาสัตว์เลี้ยงพูดได้ furby

Ferrby


  • สีน้ำตาลโดยจุดเด่นของตุ๊กตาเฟอร์บี้ในรุ่นใหม่นี้มีการเปลี่ยนจากดวงตาพลาสติก มาเป็นจอ LCD เรืองแสงได้ แต่ยังคงมีเปลือกตาที่เปิดปิดได้เหมือนรุ่นก่อน ขณะที่ขนาดตัวจะใหญ่กว่ารุ่นเก่าเล็กน้อย และมีการติดตั้งจุดเซ็นเซอร์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เฟอร์บี้รุ่นใหม่ยังสามารถรับรู้ และเคลื่อนไหวได้มากกว่ารุ่นเก่า โดยที่ลำตัวตัวของมันจะปกคลุมด้วยขนนุ่ม ๆ มีหู และเท้า เป็นพลาสติก มีจะงอยปากที่เปิดปิดได้พร้อมกับลิ้นไว้รับรู้การป้อนอาหาร


    เฟอร์บี้ ตุ๊กตาสัตว์เลี้ยงพูดได้ furby


    สำหรับผู้ที่มีปัญหากับภาษาเฟอร์บิชในรุ่นเก่า ก็หมดกังวลกับเรื่องดังกล่าวไปได้เลย เพราะเฟอร์บี้รุ่นใหม่นี้จะมีแอพพลิเคชั่นให้ดาวน์โหลดฟรีใน iOS ซึ่งมีทั้งระบบแปลภาษา, ระบบควบคุม และมีระบบสำหรับให้อาหารเฟอร์บี้ด้วย นอกจากนี้ ยังสามารถใช้แอพพลิเคชั่นใน iPhone หรือ iPad ผ่าน Furby app เพื่อสั่งงานเฟอร์บี้ได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม เฟอร์บี้รุ่นนี้ไม่มีสวิตช์สำหรับปิดเครื่องเหมือนเช่นเคยเพื่อให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนว่ามันเป็นสัตว์เลี้ยงจริง ๆ ซึ่งถ้าเราปล่อยมันทิ้งไว้นาน ๆ เจ้าเฟอร์บี้ก็จะหลับไปเอง และเราก็สามารถปลุกมันได้ด้วยการลูบตัวตามปกติ
    เฟอร์บี้ถือเป็นของเล่นอีกชนิดหนึ่งที่เหมาะสำหรับผู้เล่นในทุกเพศทุกวัย รวมถึงผู้เล่นที่ต้องการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง แต่อาจจะไม่มีเวลาดูแลสัตว์เลี้ยงจริง ๆ ก็สามารถเลี้ยงเจ้าเฟอร์บี้ไว้เป็นเพื่อนแก้เหงาได้ ซึ่งการกลับมาอีกครั้งของเฟอร์บี้รุ่นใหม่นี้ น่าจะถูกใจผู้ที่ชื่นชอบของเล่นที่ผสมผสานเทคโนโลยีอันทันสมัย เพราะสามารถเล่นควบคู่ไปกับ application ใน smartphone ได้อีกด้วย สำหรับราคาขายในบ้านเรานั้นอยู่ที่ประมาณ 2,900 บาทไปจนถึง 4,000 บาท

    ต้นกำเนิดเฟอร์บี้ ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ : ข้อมูลลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ ลิงจิ๋ว

    เฟอร์บี้ ตุ๊กตาสัตว์เลี้ยงพูดได้ furby


    ตุ๊กตาเฟอร์บี้ ตามที่หลายๆคนคิดกันนั้นคงจะเป็น ลูกครึ่งนกฮูกผสมกับหนูแฮมสเตอร์ ใช่ไหมหล่ะ!! แต่ที่ไหนได้ ต้นกำเนิดเฟอร์บี้ ที่แท้จริงคือลิงจิ๋ว ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ นี่เอง !!
    “ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซีย” นั้นมีคนเชื่อกันว่ามันได้สุญพันธุ์ไปแล้วตั้งแต่ก่อนศตวรรษที่ 20 สิ่งมีชีวิตตัวจิ๋วที่ไม่เคยมีผู้ใดเห็นมากว่า 80 ปี จนกระทั้งมีผู้ค้นพบอีกครั้งในปี ปี ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) บนเทือกเขารอคาทิมโบ ในเกาะสุลาเวสี ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่ง ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ นี้ถือว่าเป็น หนึ่งในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ขนาดเล็กและหายากที่สุด

    • เป็นสัตว์ในตระกูลไพรเมท จัดในพวกเลมูร์ และบุชเบบี้
    • เป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกลิงไม่มีหาง ตัวของมันเล็กกว่าทาร์เซียร์ชนิดอื่นๆ มีหูขนาดเล็กกว่าทาร์เซียร์ชนิดอื่น
    • น้ำหนักประมาณ 50 – 57 กรัม (2 ออนซ์)
    • ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์นั้นเมื่อเติบโตเต็มที่ จะมีความยาวลำตัวประมาณ 95-105 ม.ม. (ประมาณ 4 นิ้ว) ความยาวตั้งแต่หัวถึงหางจะยาวอยู่ที่ประมาณ 135-275 ม.ม.
    • มีขนสีน้ำตาลอม หรือน้ำตาลอมแดง หางเรียวยาว

ปะวัติFerrby



เฟอร์บี้ ตุ๊กตาสัตว์เลี้ยงพูดได้ furby


เฟอร์บี้ ประวัติและที่มาของตุ๊กตาเฟอร์บี้ ตุ๊กตาสัตว์เลี้ยงพูดได้ ทั่วทั้งโลกต่างฮือฮากับตุ๊กตาหุ่นยนต์ที่ชื่อว่า เฟอร์บี้ (Furby) เมื่อสิบกว่าปีก่อนหน้านี้ เพราะเจ้าตุ๊กตาสัตว์เลี้ยงหุ่นยนต์ชนิดนี้ นอกจากขยับตากับปากได้แล้ว มันยังสามารถเต้นได้อีกด้วย ซึ่งในระยะหลังแม้ข่าวคราวของเจ้าตุ๊กตาเฟอร์บี้ดูจะเงียบหายบ้าง แต่ทางบริษัทผู้คิดค้นคงไม่ยอมปล่อยให้ผลงานชิ้นโบแดงนี้ตายไปจากตลาดของเล่นง่าย ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงทำการยกเครื่องเจ้าเฟอร์บี้ใหม่ให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น แต่ก่อนที่จะไปดูข้อมูลของเจ้าตุ๊กตาเฟอร์บี้ฉบับปรับปรุงใหม่นี้ เรามารู้จักกับความเป็นมาของเจ้าตุ๊กตาสัตว์เลี้ยงหุ่นยนต์เฟอร์บี้ ชนิดนี้กันก่อน
บริษัท Hasbro ซึ่งเป็นบริษัทผลิตของเล่นรายใหญ่ที่ผลิตของเล่นนานาชนิดส่งขายทั่วโลกได้สร้างความฮือฮาให้กับตลาดของเล่น เมื่อมีการเปิดตัวสัตว์เลี้ยงหุ่นยนต์เสมือนจริง คือ เจ้าเฟอร์บี้รุ่นแรก ในปี 2541 ซึ่งมันมีรูปร่างหน้าตาเหมือนนกฮูก ผสมกับหนูแฮมสเตอร์ มีความสูงประมาณ 5 นิ้ว และมีปฏิกิริยาตอบสนองเหมือนสัตว์เลี้ยงจริง ๆ และนับว่าการเปิดตัว เฟอร์บี้ ก็ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม เมื่อสามารถสร้างประวัติศาสตร์ในวงการของเล่นด้วยการเป็นของเล่นที่มียอดจำหน่ายสูงสุดถึง 40 ล้านตัวทั่วโลก
เฟอร์บี้ ตุ๊กตาสัตว์เลี้ยงพูดได้ furby



ในยุคแรก ๆ ตุ๊กตาเฟอร์บี้ จะพูดคุยด้วยภาษาเฟอร์บิช (furbish) ซึ่งเป็นภาษาเฉพาะของเฟอร์บี้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทำให้ผู้เล่นบางส่วนรู้สึกว่าเรื่องดังกล่าวเป็นอุปสรรคในการสื่อสารกับเฟอร์บี้เป็นอย่างมาก และเมื่อถึงจุด ๆ หนึ่ง กระแสความนิยมเจ้าตุ๊กตาเฟอร์บี้ก็ค่อย ๆ หายไป ดังนั้น ทางบริษัท Hasbro จึงได้ทำการพัฒนา และปรับปรุงเจ้าตุ๊กตาเฟอร์บี้ขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ทันสมัย และตอบสนองต่อผู้เล่นเฟอร์บี้มากขึ้น

รูปภาพตุ๊กตาแมว








cat



เครื่องประดับ

          1. ปลอกคอ ส่วนใหญ่จะเป็นสีแดง มีกระดิ่งห้อยอยู่ โดยเชื่อว่าถ้าห้อยกระดิ่งไว้แมวจะไม่หนีไปไหน โชคลาภก็จะไม่หายไปด้วย

          2. ผ้าพันคอ ไว้ช่วยปัดเป่าโรคภัย โดยเชื่อว่าได้แรงบันดาลใจมาจาก พระโพธิสัตว์จิโซ โบซัสสุ พระโพธิสัตว์ผู้พิทักษ์เด็ก ที่เป็นเคารพนับถือของชาวญี่ปุ่น ซึ่งตามความเชื่อว่าพระโพธิสัตว์จิโซ จะช่วยปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ และชาวบ้านจะนำผ้าพันคอไปพันไว้ที่รูปปั้นหินของท่านเป็นการตอบแทน

          3. เหรียญทอง มาเนกิ เนโกะ ส่วนใหญ่จะถือเหรียญทองสมัยเอโดะไว้ในมือ เพื่อเรียกเงิน เรียกทอง และความโชคดี บางครั้งอาจเปลี่ยนจากเหรียญทองเป็นแบงค์ แต่ให้ความหมายเดียวกัน

 ความหมายของสี

          1. แบบ 3 สี เป็นที่นิยมมากที่สุด โดยแมวกวักจะมีลำตัวเป็นสีขาว มีลายจุดสีดำ พื้นส้ม ตามแบบฉบับของแมวหางกุดสายพันธุ์โบราณที่หายากในญี่ปุ่น (Japanese Bobtail Cat) โดยเชื่อว่าสีสัน และลวดลายดังกล่าว เป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีที่หาได้ยาก

          2. สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์ ป้องกันไสยศาสตร์ ภัยมืด

          3. สีดำ หมายถึง สีแห่งสุขภาพดี คอยปัดเป่าความชั่วร้าย ผู้หญิงญี่ปุ่นมักนิยมสีนี้ เนื่องจากเชื่อว่าจะช่วยขับไล่ผู้ไม่หวังดี และเหล่ามิจฉาชีพ


4. สีแดง หมายถึง ความคุ้มครอง ที่สามารถไล่ภูติผีวิญญาณได้

5. สีทอง หมายถึง การเรียกเงินเรียกทอง มั่งคั่ง ร่ำรวย

6. สีเงิน หมายถึง สุขภาพที่แข็งแรง อายุยืนยาว เหมาะกับผู้สูงอายุ หรือ คนเจ็บป่วย

7. สีเหลือง หมายถึง การช่วยให้คู่รักรักกันได้ยืนยาวตลอดไป ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง

          8. สีชมพู เป็นสีที่ไม่ได้มีมาตั้งแต่แรก แต่เพิ่งได้รับความนิยมในปัจจุบัน โดยหมายถึง การให้โชคด้านความรัก เนื้อคู่


9. สีม่วง หมายถึง พลังแห่งศิลปะ

10. สีเขียว หมายถึง ให้พลังความสำเร็จในเรื่องการศึกษา

           รู้ถึงความหมายของแมวกวักหน้าตาน่ารัก เครื่องหมายแห่งโชคลาภของญี่ปุ่นกันอย่างนี้แล้ว เพื่อน ๆ สนใจจะมีเจ้า มาเนกิ เนโกะ เอาไว้ที่บ้านสักตัวหรือยัง สำหรับใครที่มีโอกาสได้ไปเยือนประเทศญี่ปุ่น ก็ลองแวะไปที่ วัดเซ็นโซจิ (Sensoji) ย่านอาซากุสะ (Asakusa) แล้วเลือกตัวที่ถูกใจกลับมาได้เลย เพราะย่านนั้นขึ้นชื่อเรื่องเจ้ารูปปั้นแมวกวัก มาเนกิ เนโกะ ที่สุด


cat



ตำนานหญิงชรา

           เรื่องของคุณยายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง ที่เลี้ยงแมวน้อยเอาไว้เป็นเพื่อน แต่ด้วยฐานะยากจน เธอจึงอดมื้อกินมื้อร่วมกับแมวมาตลอด สุดท้ายคุณยายจำใจต้องเอาแมวตัวนั้นไปปล่อย เพราะไม่สามารถหาอาหารมาเลี้ยงดูมันได้อีกต่อไปแล้ว คุณยายเสียใจมาก และเผลอหลับไป และแล้วคุณยายก็ฝันถึงแมวน้อยตัวนั้น ที่มาบอกคุณยายว่า หากอยากโชคดีให้ลองปั้นตุ๊กตาแมวขึ้นจากดินเหนียวดูสักครั้ง

           คุณยายตัดสินใจลองปั้นตุ๊กตาแมวจากดินเหนียวดู โดยยกมือข้างหนึ่งของแมวขึ้นคล้ายกับการกวักเรียกโชคลาภ ต่อมามีคนแปลกหน้าเห็นตุ๊กตาแมวกวักของคุณยาย จึงขอซื้อไป ทำให้คุณยายได้เงินมาประทังชีวิต จากนั้นคุณยายจึงปั้นตุ๊กตาแมวกวักขายอยู่เรื่อย ๆ จนมีเงินพอไปรับแมวตัวเดิมกลับมาอยู่ด้วยอีกครั้ง ทำให้เกิดเสียงร่ำลือว่าตุ๊กตาแมวกวักนี้ เป็นตุ๊กตานำโชค และกลายเป็นตำนานในที่สุด

ตำนานแมวเช็ดหน้า

           เป็นตำนานที่มาจากความเชื่อของชาวญี่ปุ่น ที่ว่า หากแมวยกแขนขึ้นมาคลอเคลียที่ใบหน้า แปลว่าจะมีแขกมาหา ดังนั้นจึงเกิดการสร้างตุ๊กตาปั้น รูปแมวกวักขึ้น โดยยกแขนข้างหนึ่งเอาไว้ให้เหมือนเป็นการคลอเคลียที่ใบหน้า เพื่อหวังให้มีแขกมาหาตามความเชื่อ ซึ่งแขกในที่นี้หมายถึง ลูกค้าที่จะเข้าร้านมาซื้อของนั่นเอง

           ด้วยเหตุนี้ ชื่อเรียก มาเนกิ เนโกะ (Maneki Neko) จึงมีความหมายตรงตัว ว่า แมวกวัก หรือแมวนำโชค เป็นชื่อที่เป็นสิริมงคล ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น






การยกแขน

           ถ้าสังเกตดี ๆ จะพบว่า แมวกวัก มาเนกิ เนโกะ นั้น มีลักษณะท่าทางในการยกแขนอยู่หลายแบบด้วยกัน โดยมีความหมายดังนี้


1. ยกแขนขวา หมายถึง เป็นการกวักเรียกเงิน เรียกทอง และโชคลาภ

2. ยกแขนซ้าย หมายถึง เป็นการกวักเรียกลูกค้าให้เข้าร้าน ขายดิบขายดี

3. ยกแขนทั้งสองข้าง หมายถึง การกวักเรียกทั้งเงินทอง โชคลาภ และเรียกลูกค้าให้เข้าร้านไปพร้อม ๆ กัน

รูปภาพคิตตี้






kitty


สินค้า


The Hello Kitty Airbus A330-200.
แรกเริ่มเดิมทีที่กลุ่มเป้าหมายหลักของเฮลโลคิตตี ยังคงเป็นเด็กหญิงอยู่นั้น สินค้าที่ผลิตออกมายังเป็นพวกตุ๊กตา, สติ๊กเกอร์, การ์ดอวยพร, เสื้อผ้า, ของใช้กระจุกกระจิก, เครื่องเขียน และกระเป๋าใส่เครื่องเขียน แต่หลังจากที่มีขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มวัยรุ่นและผู้ใหญ่ ก็มีการวางจำหน่ายสินค้าประเภท เครื่องปิ้งขนมปัง, โทรทัศน์, เครื่องใช้ในบ้าน, อุปกรณ์นวด และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โดยลักษณะของผลิตภัณฑ์มีตั้งแต่สินค้าทั่วไป, สินค้าราคาสูง และสินค้าประเภทของสะสมหายาก[22]

การเงิน

ในปี 2009 ธนาคารแห่งอเมริกา นำเสนอสมุดเช็คและบัตรวีซ่าเดบิตในธีเฮลโลคิตตี ซึ่งมีใบหน้าของคิตตีบนเช็คและบัตร[23] ทั้งนี้บัตรเดบิตการ์ด มาสเตอร์การ์ดได้ใช้เฮลโลคิตตี เป็นธีมบัตรมาตั้งแต่ปี 2004[24]แล้ว

สินค้าประเภทไฮ เอน (สินค้าที่มีราคาสูง)


Sanrio Shop in มาดริด with the Hello Kitty character outline as the entryway
ซานริโอ้และบริษัทคู่ค้าได้ออกผลิตภัณฑ์เฮลโลคิตตีภายใต้สินค้าหลาย ๆ แบรนด์ เช่นกีตาร์ไฟฟ้า เฮลโลคิตตี สตาร์โตแคสเตอร์ (ภายใต้แบรนด์ เฟนเดอร์ในสหรัฐอเมริกาในปี2006) และ แอร์บัส A330-200 ได้ออกแบบเครื่องบินเชิงพาณิชย์ สำหรับเครื่องบินเจ็ทในนามเฮลโลคิตตี เจท (ของสายการบินอีวาแอร์เวย์ของไต้หวันในปี2005- 2009)[25] ซึ่งตั้งแต่ปลายปี 2011 ถึงต้น 2012, อีวาแอร์เวย์สามารถกลับมาทำกำไรได้อีกครั้งด้วยการออก "เฮลโลคิตตี เจท" ด้วย A330-300s ลำใหม่ถึง 3 ลำด้วยกัน และต้องเพิ่ม A330-200s อีกถึง 2 ลำหลังจากที่มีความต้องการของตลาดเป็นอย่างมากในช่วงกลางปี 2012 ปี หลังจากนั้นอีก 1 ปี อีวาแอร์เวย์ก็ได้เพิ่มเครื่อง 777-300ERs ให้เป็นเฮลโลคิตตี เจท อีกหนึ่งลำ ซึ่งไม่เพียงแต่คิตตีเท่านั้น ยังมีตัวละครซานริโอ้อื่น ๆ บนเครื่องบินอีกด้วย ในปี 2009 นอกเหนือจากเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ แล้ว คิตตียังเข้าสู่ตลาดไวน์ โดยมีถึง 4 รูปแบบ โดยเป็นการจำหน่ายแบบออนไลน์ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีไว้เพื่อตอบสนองการขยายตัวของกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น[26]

เครื่องประดับ

ในฤดูใบไม้ผลิปี 2005 บริษัทซิมมอนส์ จิวเวลรี่และ ซานริโอ้ได้ประกาศความร่วมมือออกแบบเครื่องประดับร่วมกัน "คิโมรา ลี ซิมมอนส์ สำหรับเฮลโลคิตตี" ที่เปิดตัวเฉพาะห้างไนแมน มาร์คัส ในราคาตั้งแต่ 300 ถึง 5,000 ดอลลาร์ ออกแบบโดย คิโมรา ลี ซิมมอนส์ และเปิดตัวเป็นคอลเลกชันแรก เป็นเครื่องประดับทั้งหมดทำด้วยมือซึ่งประกอบด้วยเพชร,อัญมณีและหินมีค่า, ทอง 18K,เงินสเตอร์ลิง,เครื่องประดับลงยาและเซรามิก[27]

ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2008 ซิมมอนส์ จิวเวลรี่และซานริโอ้ ได้ออกเครื่องประดับและนาฬิกาในคอลเลกชัน "เฮลโลคิตตี®โดยซิมมอนส์ จิวเวลรี่" ซึ่งคอลเลกชันดังกล่าวร่วมมือกับ เซลส์ คอร์ปอร์เรชั่น เพื่อขยายการเข้าถึงของแบรนด์และการพัฒนาเครื่องประดับเพื่อตอบสนองความพึงพอใจของแฟนคิตตีทุกระดับ การออกแบบใช้การรวมอัญมณีหลากสีสันและเงินสเตอร์ลิงที่สามารถดึงดูดใจลูกค้าวัยรุ่นด้วยราคาขายปลีกเริ่มต้นที่ 50 ดอลลาร์[28]

ประวัติผู้ออกเเบบคิตตี้



ประวัติผู้ออกแบบ


ยูโกะ ชิมิซุ นักออกแบบรุ่นแรกของคิตตีจนถึงปี 2010
ในปี 1962 ชินทาโร ซูจิ ผู้ก่อตั้งซานริโอ้ เริ่มขายรองเท้าแตะยางพิมพ์ลายดอกไม้[14] ซูจิสังเกตเห็นว่าสามารถเพิ่มผลกำไรให้มากขึ้น ด้วยการเพิ่มการออกแบบที่น่ารักบนรองเท้าแตะ จึงจ้างให้นักเขียนการ์ตูน การออกแบบตัวละครที่น่ารักสำหรับสินค้าของเขา[14] บริษัทได้ผลิตสินค้าโดยมีลายรูปตัวละครเพื่อเป็นของขวัญในโอกาสต่าง ๆ[15] เฮลโล โหลคิตตีได้รับการออกแบบโดย ยูโกะ ชิมิซุ และถูกบันทึกอยู่ในตัวละครหลักของซานริโอ้ ในต้นปี 1974 [6] ภาพของการปรากฏตัวครั้งแรกในรายการ “A vinyl coin purse” ในประเทศญี่ปุ่น เป็นภาพที่คิตตีนั่งอยู่ระหว่างขวดนมและชามปลาทอง[16] และปรากฏตัวครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 1976[5]
บริษัทตัดสินใจที่จะสร้างให้เฮลโลคิตตีเกิดใประเทศอังกฤษ เพราะในช่วงเวลาที่คิตตีถูกสร้างขึ้นมา อะไรก็ตามที่มาจากต่างประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศอังกฤษให้ความรู้สึกทันสมัยมาก สำหรับคนญี่ปุ่น นอกจากนี้ ซานริโอ้ก็มีตัวละครอื่น ๆ ที่เกิดในสหรัฐอยู่แล้ว พวกเขาจึงต้องการสร้างให้คิตตีมีความแตกต่าง[7][17] ออกไป ชิมิซุ ได้ชื่อคิตตี จากนิยายชื่อมองผ่านกระจก ของ ลูอิส แครอล ที่อยู่ในตอนต้นของหนังสือ ที่อลิซเล่นกับแมวของเธอที่ชื่อ คิตตี[18] คำขวัญซานริโอ้ คือ "การสื่อสารในสังคม" และซูจิอยากชื่อของแมวที่จะสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งนั้น ครั้งแรกที่เขาคิดว่า "ไฮ คิตตี" ก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้ "เฮลโล" ซึ่งสื่อถึงคำอวยพร[19] ได้ด้วยตัวแทนประชาสัมพันธ์ของบริษัทได้อธิบายว่าคิตตีไม่มีปากเพราะพวกเขาต้องการให้ผู้คนมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครและมีความสุข หรือเศร้าร่วมไปกับคิตตี[7][20] อีกอย่างหนึ่งที่อธิบายได้ว่าทำไมคิตตีไม่มีปากคือการที่เธอ" พูดออกมาจากหัวใจ” คิตตีเป็นเหมือนกับทูตของซานริโอ้สู่ทั่วโลกและไม่ได้ยึดติดกับภาษา[17] ใดโดยเฉพาะ "บริษัทมองเห็นคิตตีเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพและพวกเขาหวังว่าเธอจะส่งเสริมมิตรภาพระหว่างผู้คนทั่วโลก[7] มีบางคนให้ข้อสังเกต[โดยใคร?] ว่าเฮลโลคิตตีมีต้นกำเนิดมาจากแมวกวักของญี่ปุ่น มาเนกิ เนโกะ ซึ่งชื่อคิตตีเองก็มีที่มาจากแมวกวัก (มาเนกิ เนโกะ ภาษาญี่ปุ่น) ซึ่งหมายถึงการกวักมือเรียกแมวในภาษาอังกฤษ

ประวัติ

หลังจากที่เปิดตัวปี 1974 เฮลโลคิตตี ก็ขายดีในทันที และ ส่งผลให้ยอดขายรวมของซานริโอ้เพิ่มขึ้นถึงเจ็ดเท่าหลังจากที่เผชิญกับภาวะยอดขายตกต่ำในปี 1978[7][21] มีคอลเลคชั่นคิตตีที่ออกแบบแปลก ๆ ใหม่ ๆ รวางจำหน่ายสู่ท้องตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับความเป็นไปในสังคมในปัจจุบัน ทั้งนี้ ยูโกะ ยามากูชิ ซึ่งเป็นนักออกแบบหลักของเฮลโลคิตตี ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันกล่าวว่า เธอได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบคิตตี รุ่นใหม่ ๆ จากแฟชั่น, ภาพยนตร์และโทรทัศน์[7][21]
ในช่วงแรกที่คิตตีเน้นการทำตลาดเฉพาะเด็กผู้หญิงเท่านั้น แต่ตั้งแต่ปี 1990 กลุ่มเป้าหมายสำหรับคิตตีได้ขยายออกไปยังกลุ่มวัยรุ่นและผู้ใหญ่ในฐานะที่เป็นแบรนด์ย้อนยุค[7][17] ทั้งนี้ซานริโอ้เริ่มมีการออกแบบผลิตภัณฑ์คิตตีสำหรับผู้ใหญ่มากขึ้น เช่นกระเป๋าและแล็ปท็อป [7][17][21] เพื่อตอบสนองลูกค้ากลุ่มนี้เป็นพิเศษ ในปี 1994-1996 มีการวางจำหน่าย เฮลโลคิตตี รุ่นคิตตี เฟซ ซึ่งเน้นการออกแบบสินค้าเพื่อตอบสนองลูกค้ากลุ่มเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น[7]

ซานริโอ้ กล่าวว่า ในปี 1999 มีคิตตีรุ่นใหม่ ๆ ออกวางจำหน่ายถึง 12,000 แบบต่อปี[19] ทั้งนี้ในปี 2008 สามารถทำรายได้กว่าหนึ่งร้อยล้านดอลล่าร์ ซึ่งมากถึงครึ่งหนึ่งของรายได้รวมของซานริโอ้ทั้งบริษัท ทั้งนี้คิตตีมีวางจำหน่ายมากกว่า 50,000 แบบในกว่า 60 ประเทศ[17]ทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา ด้วยแนวโน้มแฟชั่นในญี่ปุ่น ส่งผลให้บริษัทเริ่มใช้สีเข้ม ลดสีชมพู และใช้การออกแบบที่มีรูปแบบที่น่ารัก[21] น้อยลงในการออกแบบคิตตีรุ่นใหม่ ๆ

hello kitty


เฮลโลคิตตี


เฮลโลคิตตี
ตัวละครใน ซานริโอ
Hello kitty character portrait.png
เฮลโลคิตตี
ปรากฎตัวครั้งแรก 1974
ปรากฏตัวครั้งล่าสุด ปัจจุบัน
สร้าง ยูโกะ ชิมิซุ

ชื่อเล่น เฮลโลคิตตี
เผ่าพันธุ์ ตัวการ์ตูนเด็กผู้หญิงที่มีลักษณะเหมือนแมว[1]
เพศ หญิง
สัญชาติ อังกฤษ[2]
ชื่อเต็ม คิตตี ไวต์[2]
เฮลโลคิตตี (ญี่ปุ่น: Hello Kitty ハローキティ Harō Kiti ?)[3] (ชื่อเต็ม: คิตตีไวท์; ญี่ปุ่น: Kitty White キティ・ホワイト Kiti howaito ?) [2] คือตัวละครที่สร้างโดยบริษัทซานริโอ้ ประเทศญี่ปุ่น ออกแบบครั้งแรกโดยคุณยูโกะ ชิมิซุ โดยเธอวาดออกมาเป็นภาพแมวญี่ปุ่นหางสั้น เพศเมีย สีขาว ที่ติดโบว์สีแดง[4] เฮลโลคิตตีปรากฏตัวครั้งแรกในรายการ “A vinyl coin purse” เป็นที่รู้จักในประเทศญี่ปุ่นในปี 1974 และนำถูกนำไปออกอากาศที่สหรัฐอเมริกาในปี 1976 [5][6]โดยมีบุคลิกที่แสดงออกถึงความน่ารักของวัฒนธรรมที่เป็นที่นิยมของญี่ปุ่น[7] ในปี 2010 ที่เฮลโลคิตตีที่มีอายุครบ 36 ปี บริษัทซานริโอได้สร้างให้ตัวละครนี้เป็นปรากฏการณ์การตลาดระดับโลกที่มีมูลค่าถึง ห้าพันล้านดอลล่าร์[8] และต่อมาในปี 2014 เมื่อเฮลโลคิตตีมีอายุ 40 ปี ก็สามารถสร้างมูลค่าตลาดได้ถึงเจ็ดพันล้านดอลลาร์ โดยไม่ต้องมีการโฆษณาใด ๆ[9]
จากเป้าหมายเดิมที่มุ่งเน้นลูกค้าในกลุ่มก่อนวัยรุ่น ตลาดของเฮลโลคิตตี ได้ขยายไปสู่ผู้บริโภคที่เป็นผู้ใหญ่ เราสามารถพบผลิตภัณฑ์ของเฮลโลคิตตีได้ในรูปแบบที่หลากหลาย ตั้งแต่อุปกรณ์การเรียน เครื่องประดับแฟชั่น จนถึงสินค้าราคาแพง ๆ และคิตตีถูกสร้างเป็น ละครทีวีเฮลโลคิตตี สำหรับเด็กอีกหลายตอน นอกจากนั้นยังเป็น ตัวละครหลักของสวนสนุกซานริโอ้ 2 แห่งในญี่ปุ่น ได้แก่ ฮาร์โมนีแลนด์ และสวนสนุกในร่ม ซานริโอ้ พูโรแลนด์ อีกด้วย

ตัวละคร

จากข้อมูลตัวละครอย่างเป็นทางการสำหรับเฮลโลคิตตี ชื่อเต็มของเธอคือ คิตตีไวท์ (ญี่ปุ่น: Kitty White キティ・ホワイト Kiti howaito ?) เธอเกิดในเขตชานเมืองของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน มีความสูงเท่ากับแอปเปิ้ล 5 ผล และน้ำหนักเท่ากับแอปเปิ้ล 3 ผล ภาพลักษณ์ของเธอคือหญิงสาวที่สดใสและใจดี สนิทกับน้องสาวฝาแฝดของเธอที่ชื่อมิมมี่มาก อบคุ้กกี้เก่งและชอบทานพายแอปเปิ้ลที่แม่ทำ เธอชอบสะสมของน่ารัก ๆ และวิชาที่เธอชื่นชอบในโรงเรียนเป็นภาษาอังกฤษ ดนตรี และศิลปะ[2][10]
เฮลโลคิตตี เป็นตัวละครที่รายล้อมไปด้วยครอบครัวขนาดใหญ่ที่ทุกคนมีนามสกุล 'สีขาว'. น้องสาวฝาแฝดของเธอที่ชื่อมิมมี่ เป็นเด็กผู้หญิงที่ขี้อายมาก ชอบเย็บปักถักร้อยและฝันถึงการแต่งงาน ในขณะที่คิตตีสวมโบว์สีแดงที่หูซ้ายของเธอ มิมมี่จะสวมโบว์สีเหลืองอยู่ทางด้านขวา จอร์จซึ่งเป็นพ่อของพวกเขาเป็นคนที่น่าเชื่อถือ มีอารมณ์ขัน แต่มักจะเหม่อลอยอยู่บ่อย ๆ ในขณะที่แม่ (แมรี่) ทำอาหารเก่งและชอบทำงานบ้าน คุณปู่แอนโทนี่ชอบที่เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ฟัง ส่วนคุณยายมาร์กาเร็ตชอบเย็บผ้า[10] เดียร์ แดเนียลเป็นเพื่อนในวัยเด็กของคิตตี เกิดวันที่ 3 พฤษภาคม ในลอนดอน มีชื่อจริงของแดเนียล สตาร์ เขาออกเดินทางไปกับพ่อแม่ของเขาและต้องจากเฮลโลคิตตีเป็นเวลานาน เขามีบุคลิกที่ทันสมัยและมีความอ่อนไหว เต้นและเล่นเปียโนเก่ง สนใจในการถ่ายภาพและฝันที่จะเป็นคนดัง[11] แชมมี่ คิตตี คือแมว เปอร์เซีย สีขาวที่เป็นสัตว์เลี้ยงของคิตตี อ่อนน้อมเชื่อฟังเจ้าของและชอบของที่มีประกายเงางาม สร้อยที่คล้องคอแชมมี่ห้อยกุญแจเปิดกล่องเครื่องประดับ[12] ของคิตตี นอกจากนี้คิตตียังมีสัตว์เลี้ยงเป็นหนูแฮมสเตอร์ที่มีชื่อว่าชูการ์ ซึ่งเป็นของขวัญที่ได้รับจาก เดียร์ แดเนียล[13] อีกด้วย ชอบกินหมูปิ้ง

วันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

dissey/sticht


ตัวป่วน กับเรื่องอะลาดิน


ไปป่วน กับเบลล์ ในเรื่องโฉมงามกับเจ้าชายอสูร

sticth

เรื่องที่เห็นได้ชัดก็อย่างเช่น Snow White and the Seven Dwarfs, Cinderella และ The Lion King เพราะทั้งหนูสโนว์ไวท์ นางซินฯ และเจ้าสิงห์น้อย ซิมบา นั้นล้วนตกเป็นเหยื่อของผู้ใหญ่ใจทราม ทำให้ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า ออกเผชิญโลกที่โหดร้ายตามลำพัง แต่ถึงกระนั้นตัวละครทั้งสามก็ยังอุตส่าห์เติบโตเป็นคนและสัตว์อันประเสริฐ มีน้ำใจกว้างขวางดั่งแม่น้ำ และพร้อมที่จะให้อภัยตัวร้ายต้นเหตุในท้ายที่สุดนัยว่าเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับเด็กๆ และเป็นความโดดเด่นที่ทำให้การ์ตูนนำของดิสนีย์ “น่ารักน่าชื่นชม” เสมอมา

แต่เอกลักษณ์ทั้งสองข้อที่ว่ามานั้น ไม่ใช่คุณสมบัติที่จะหาได้ใน Lilo & Stitch ภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องล่าสุดของดิสนีย์ ซึ่งแม้ว่าจะมีตัวละครรูปร่างคล้ายหมีโคอาล่าผสมผสานหมาท่าทางน่ารักน่าอุ้ม ประกบกับเด็กหญิงชาวฮาวายตัวนิดที่ดูแก่นเซี้ยวไม่เบา แต่จากหนังตัวอย่างที่เปิดฉายตามโรงภาพยนตร์ หลายคนคงเดาออกแล้วว่า ตัวการ์ตูนทั้งสองนั้น “ร้ายกาจ” ไม่ใช่เล่น โดยเฉพาะเจ้าสัตว์ประหลาดที่เที่ยวไปสร้างความป่วนให้ชาวบ้านเขาในหนังการ์ตูนเรื่องต่างๆของดิสนีย์

photoสติช

รูปภาพสติช

                                                                           







                                                  

sticth



ตัวละครเรื่อง Lilo & Stitch





Stitch Angle เบบี้เฟียร์ Lilo สปาร์กี้

stith



และป่าเขาลำเนาไพร



การอบรม การปลูกฝังนิสัยที่ดีงามให้กับ Stich ด้วยจิตใจที่ดีงาม ได้ส่งเสริมให้ Stitch สามารถ ปรับสภาพที่ถูกผลการทดลองทำลายสมอง จิตประสาท อารมณ์ ความรัก ความรู้สึก ไปจนสามารถคืนสภาพ เพราะคำสอนที่ Lilo ใช้สอน Stitch จนมีจิตใจที่ดีงาม ความพิกลรูปเริ่มดีขึ้น แขนที่เกินมาเริ่มหดหายไป

story



ภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้ ได้สร้างและกำกับโดย Chris Sanders and Dean De Blois เป็นภาพยนต์กึ่ง Science Fiction ได้รับรางวัล 2003 Academy Award for Best Animated Feature. แต่หนังไม่ทำเงินเท่าไร Lilo & Stitch จึงไม่ดังติดปาก เหมือนคู่อื่นๆ เช่น ทรามวัยกับเจ้าตูบ ,โฉมงามกับเจ้าชายอสูร หรือ อาลาดิน กับจัสมิน



ดำเนินเรื่องจากนอกจักรวาล บนดาวเคราะห์ Turo เหล่าร้ายในอวกาศ พวก Dark Emperor ในเรื่องชื่อ Dr.Jumba Jookiba นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องซึ่งถูกจับเป็นเชลยในกาแล๊คซี่รับคำสั่งให้สร้างสัตว์ประหลาดไปคุกคามโลกโดยจับสิ่งมีชีวิตในโลกไปเป็นสัตว์ ทดลองหลายพันธ์จนเป็นอสูรกายหลายเผ่าพันธ์ เริ่มคล้าย โปเกม่อน



Stitch เริ่มจากเป็นสุนัขธรรมดาบนโลกมนุษย์ถูกจับตัวไปนำเข้าเป็นสัตว์ทดลองในหลอดแก้วครั้งแล้วครั้งเล่าหลายร้อยครั้งจนกลายพันธ์ในหลอดทดลอง มีชื่อรหัสลับว่า การทดลองที่ 626 โดยมีอุดมการณ์ให้กลับไปทำลายล้างโลกมนุษย์



Stitch ถูกทำลายด้วยรังสี จนพิกลรูป คือกลายร่างจากสุนัขกลายเป็นอสูรกายสีน้ำเงินมีแขน ( ขาหน้า) เพิ่มอีก 1 คู่ พันธุกรรมแฝงของ เอเลียน ปน หมีโคล่า มีเสาอากาศ เหมือนมังกร ฟันเป็นปลาฉลาม หูเหมือนค้างคาว จมูกเป็นหมีแพนด้า จิตใจ อารมณ์ก็แปรปรวน และดุร้าย และมีคุณสมบัติเฉพาะคือ แข็งแรง ,รวดเร็ว , ฉลาด ไหวพริบดี ,มีอำนาจการทำลายล้างสูงและที่สำคัญ ไม่มีสิ่งใดสามารถโค่น Stitch ได้



จนร่างกายจิตใจ Stitch ถูกกลายพันธุ์เต็มที่เป็นอสูรกายน้อย




เมื่อการทดลองได้ผลเต็มที่ พร้อมปล่อยพวกอสูรกายกลายพันธ์มาทำลายล้างโลกมีสมุนทรยศของ Jumba ได้ลอบนำตัวอสูรกายเหล่านี้ หลบหนีจากกาแล๊คซี่ทางยานอวกาศเพื่ิอไปยังดาวเคราะห์อื่น แต่เกิดอุบัติเหตุ ยานอวกาศตกลงมายังพื้นโลกและ Stitch ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีชื่อ ตกลงสู่โลกที่หมู่บ้าน Ohana ที่เกาะฮาวาย
ได้สาวน้อยกำพร้า ชื่อ Lilo และ พี่สาวชื่อ Nani ช่วยเหลือไว้ด้วยความเมตตา


จนกระทั่งสาวน้อย Lilo สามารถพาหลบหนีพวกต่างดาวที่มาตามล่าเพื่อนำกลับไปดาวเคราะห์ได้สำเร็จ แบบ Army Energy และสาวน้อย Lilo ได้เก็บเจ้าอสูรกายน้อย
มาเลี้ยงเป็นเพื่อนและตั้งชื่อว่า " Stitch " นอกจากอาหาร ที่อยู่อาศัย ความอบอุ่นที่ให้กับ Stitch สาวน้อย Lilo ได้ให้สัมผัสด้วยการกอด การสัมผัส การพูดจา เสียงเพลง ความห่วงใย ความเอื้ออาทร ธรรมชาติบำบัด สุนทรียบำบัด ความพิกล พิการก็หาย แขนที่เกินออกมาก็หายไป กลายเป็นสัตว์ที่มีลักษณะใกล้เคียงสุนัขมากที่สุด ขนสีน้ำเงิน มีฟันคมและยิ้มง่าย ไม่ดุร้าย และเริ่มเป็นมิตรกับทุกคน และมีจิตใจดีงาม



เข้าสมาคมดนตรี ซ้อมเพลง " กากีนั้ง "



เที่ยวชมธรรมชาติ

เนืื้อหาสติช



(Walt Disney) เปิดตัวเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2002 เป็นการ์ตูนอนิเมชั่นเขียนบทและกำกับโดย Chris Sanders ซึ่ง Lilo & Stitch










ผลงาน


Stitch The Movie ถูกปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2003
ตามด้วยชุดโทรทัศน์, Lilo & Stitch ซีรี่ส์จากวันที่ 20 กันยายน 2003 ถึง 29 กรกฎาคม 2006

Lilo & Stitch 2 ปล่อยออกมาเมื่อ 30 สิงหาคม 2005

Leroy & Stitch ปล่อยออกมาเมื่อ 27 มิถุนายน 2006

story



เมื่อการทดลองได้ผลเต็มที่ พร้อมปล่อยพวกอสูรกายกลายพันธ์มาทำลายล้างโลกมีสมุนทรยศของ Jumba ได้ลอบนำตัวอสูรกายเหล่านี้ หลบหนีจากกาแล๊คซี่ทางยานอวกาศเพื่ิอไปยังดาวเคราะห์อื่น แต่เกิดอุบัติเหตุ ยานอวกาศตกลงมายังพื้นโลกและ Stitch ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีชื่อ ตกลงสู่โลกที่หมู่บ้าน Ohana ที่เกาะฮาวาย
ได้สาวน้อยกำพร้า ชื่อ Lilo และ พี่สาวชื่อ Nani ช่วยเหลือไว้ด้วยความเมตตา


จนกระทั่งสาวน้อย Lilo สามารถพาหลบหนีพวกต่างดาวที่มาตามล่าเพื่อนำกลับไปดาวเคราะห์ได้สำเร็จ แบบ Army Energy และสาวน้อย Lilo ได้เก็บเจ้าอสูรกายน้อย
มาเลี้ยงเป็นเพื่อนและตั้งชื่อว่า " Stitch " นอกจากอาหาร ที่อยู่อาศัย ความอบอุ่นที่ให้กับ Stitch สาวน้อย Lilo ได้ให้สัมผัสด้วยการกอด การสัมผัส การพูดจา เสียงเพลง ความห่วงใย ความเอื้ออาทร ธรรมชาติบำบัด สุนทรียบำบัด ความพิกล พิการก็หาย แขนที่เกินออกมาก็หายไป กลายเป็นสัตว์ที่มีลักษณะใกล้เคียงสุนัขมากที่สุด ขนสีน้ำเงิน มีฟันคมและยิ้มง่าย ไม่ดุร้าย และเริ่มเป็นมิตรกับทุกคน และมีจิตใจดีงาม



เข้าสมาคมดนตรี ซ้อมเพลง " กากีนั้ง "



เที่ยวชมธรรมชาติ



และป่าเขาลำเนาไพร



การอบรม การปลูกฝังนิสัยที่ดีงามให้กับ Stich ด้วยจิตใจที่ดีงาม ได้ส่งเสริมให้ Stitch สามารถ ปรับสภาพที่ถูกผลการทดลองทำลายสมอง จิตประสาท อารมณ์ ความรัก ความรู้สึก ไปจนสามารถคืนสภาพ เพราะคำสอนที่ Lilo ใช้สอน Stitch จนมีจิตใจที่ดีงาม ความพิกลรูปเริ่มดีขึ้น แขนที่เกินมาเริ่มหดหายไป